..ยังจำประโยคนี้ได้หรือไม่...หากคุณเป็นหนึ่งในชมรมอนุรักษ์เทคโนโคราช คงจะคุ้นเคยกับประโยคนี้
เป็นท่อนหนึ่งในเพลง มาร์ช ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เทคโนโคราช ซึ่งแต่งโดย นายชัชนรินทร์ อ่อนราษฎร์ ประธานชมรมอนุรักษ์ รุ่น 4 เด็กศิลปกรรมหน้าตาดี (ชั้นโกหกแก) เพื่อนผู้ซึ่งมีความทรงจำร่วมกันมากมายในวันวาน..
ชมรมอนุรักษ์ในสมัยนั้น ยังยึดพื้นที่ห้องเล็กๆ หน้า"คุรุสัมนาคาร สถานที่เรามารวมกัน" ( อันนี้เป็นอีกท่อนของเพลงในวันวานของอนุรักษ์ แต่งโดย นายเชิดชาย สิงห์สุข) เป็นฐานทัพ ด้วยสมาชิกยังไม่มากมายนัก..
ในเวลาต่อมา ทางสถาบันก็จัดพื้นที่ตั้งฐานทัพเพิ่มให้เราอีกที่คือ ศูนย์ฝึกภาคสนาม หนองระเวียง..ที่นั่น เรายึดบ้านพักหนึ่งหลังไว้เป็นสถานที่รวมพล..หน้าบ้าน จำได้ว่า แมงเม่าไปสำรวจป่าในหนองระเวียงแล้วนำเอา ต้นงิ้วมาปลูกไว้ให้ที่บันไดทางขึ้นสองต้นหลังบ้านมีต้นมะขามป้อม...ภายในบ้านเรามีอุปกรณ์ทำครัวด้วย..คือหม้อหุงข้าวไฟฟ้า 1 หม้อ สารพัดประโยชน์ ทั้งหุงข้าวสวย เสร็จก้อใช้เป็นหม้อต้มยำทำแกง จากนั้นตามด้วยไข่เจียวหม้อ..บางวันแอ๊บแอ๊บไปเดินป่า หากะปอม(กิ้งก่า)มาลาบให้เพื่อนๆกิน..นึกถึงแล้วก็สงสารตัวเองนะ..กว่าจะได้รับประทานอาหารหนึ่งมื้อคิดดูสิว่าต้องรอนานแค่ไหน..ไม่สามารถลัดขั้นตอนได้เลย..เพราะอุปกรณ์ภาคบังคับ..มีหม้อใบเดียว.. มอเตอร์ไซด์ฮ่าง หนึ่งคัน สำหรับออกไปจับจ่าย ในหมู่บ้านใกล้ๆ รวมทั้งไปเรียนบ้างเป็นบางครั้ง..ที่นั่นเป็นทั้งบ้านพัก สถานทีตากอากาศ ห้องอัด(งงล่ะสิ) พวกเราใช้สำนักงานของ ศูนย์ฝึกช่วงกลางคืนอันเงียบสงบ อัดเพลงสำหรับที่จะเปิดในค่ายเด็ก (ค่ายเด็กรักษ์ป่าหนองระเวียง) วิทยุเทป 1 เครื่อง(สมัยนั้นแค่นี้ก็หรูแล้ว) กีต้าร์ 1 ตัว นักดนตรีคือ แมงเม่า นักร้อง ก็ประสานเสียง โดย พวกเราเองก็มี แขก เปิ้ล แต้ม นาถ ปุ๊..ส่วนนักร้องหญิงจะเป็นใครไปไม่ได้..นู๋ต๋อยเองคับ..ถ้าสามารถเอาเทปนั้นมันทำเป็น mp3 ได้เมื่อไหร่ จะโหลดไว้ให้เพื่อนๆ ได้รำลึกความหลังกันนะคะ..
นอกจาก วันวาน ที่นี่ อนุรักษ์เรายังมีอีก วันวานอีกที่..ซึ่งยังอยู่ในความทรงจำของพวกเรา...ไม่เคยลืม
เขาแผงม้า..ที่ซึ่งเราชาวอนุรักษ์ใช้เป็นสถานที่ปลูกจิตสำนึก ของเด็ก "ต้นกล้า" บริเวณหมู่บ้านโดยรอบของพื้นที่ โดยผ่านโครงการ ค่ายเด็กรักษ์ป่า..
สมัยนั้นเป็นเพียงโครงการปลูกป่า พื้นที่รอยต่ออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ของ มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชในพระบรมราชินูปถัมภ์ ยังไม่มีความศิวิไลท์ใดใดทั้งสิ้น...
ยังจำได้ถึงความรู้สึก วันแรกที่เดินทางไป"คลองทราย" .. 'อ๊อบแอ๊บ' และ 'บักเจมส์' เพื่อนผู้ซึ่งคุ้นเคยที่นั่นก่อนเรา..พูดถึงบ่อยมาก "คลองทราย"เป็นยังงัย ทำไมคนที่ได้ไปเหมือนต้องมนต์ อยากรู้..และอยากไปเห็น..
จำได้ว่าวันนั้นเราเดินทาง ขึ้นรถบัส เที่ยวหกทุ่ม..ไปถึง กม 79 ปากทางเข้าเขาแผงม้าประมาณ ตี1 แนวร่วม 5 คน ต๋อย ปุ๊ ตี๋ รวง และ อ๊อบแอ๊บผู้นำทาง ..เดินเท้าบนถนนลูกรัง ฝุ่่นแดง ประมาณ 20 กิโลเมตร..ในที่สุด ..เกือบตีสี่ เจ้าถิ่นบอกเราว่าถึงแล้ว..เรามองไปไม่เห็นอะไรเลยที่จะบอกว่าเรามาถึงแล้ว นอกจาก ป่าไผ่ท่ามกลางแสงดาว...
..เมื่อเราเดินเข้าป่าไผ่นั้นไป ก้อมีเงาของสถานที่..เหมือนบ้านตะคุ่มๆ มีแสงเทียนใกล้เข้ามาหลังจากที่เราตะโกนเรียกเจ้าของพื้นที่สักพัก..ผู้ชายหนึ่งคนเดินถือเทียนออกมาบอกว่าวันนี้ไฟดับ(แหมมาได้ตรงวันจริงๆนะเราเนี่ย)..และพาเราทั้งหมดไปหาที่พัก..ซึ่งปีนบันไดลิงขึ้นไป..
เช้าของวันใหม่..คือวันที่ตื่นตาตื่นใจมาก พบว่าตัวเองนอนอยู่บนห้องใต้หลังคา..เราปีนบันไดลงมา..ใด้ยินเสียงเพลง"บ้านกลางไพร ประสาป่าดอย ความสุขเล็กน้อย แต่ดูยิ่งใหญ่ ..." ของ อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน แว่วมา เราเดินตามเสียงเพลงไป..พบกับพี่ชายใจดีคนหนึ่ง(ซึ่งต่อมากลายเป็นพี่ชายร่วมอุดมการณ์ที่เราไม่เคยลืม) "พี่หน่อง"เจ้าหน้าที่ศูนย์ กำลังง่วนอยู่กับ โมเดล ของพื้นที่ป่าเขาแผงม้า..
แต่ที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่าคือ..เมื่อออกมาสู่บรรยากาศภายนอก เรามองเห็น บ้านไม้ซีกสไตล์คันทรี ตั้งตะหง่าน เลยไปเป็นหน้าผาที่เรามองออกไปมีแต่หมอก..ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเรายืนอยู่บนหมอกขาวโพลนไปหมด...หลงรักคลองทราย...
จากวันนั้นเป็นต้นมา ศูนย์คลองทราย..ซึ่งเป็นสำนักงานของเขาแผงม้า ยุคแรก..ก้อมีสมาชิกประจำเพิ่มอีกสองคน..
เราชาวอนุรักษ์ทำงานร่วมกับมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ ที่เขาแผงม้า หลายรุ่นหลายสมัย
เส้นทางที่เข้าไปสู่แผงม้า เวลาดึก.. เราเดิน....ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัว..มีเพียงความรู้สึกคุ้นเคย..
เสียงดุๆ ของน้าเบิ้ม ตอนที่เราเสียงดัง ในเวลาหลังสามทุ่มที่อยู่ในบรรยากาศมืดสนิทและเงียบสงัด ปราศจากเสียงเครื่องปั่นไฟ! และ ส้มตำอันแสนอร่อยจากโรงครัวที่มีให้เราทุกวัน..อยู่ในความทรงจำเสมอ..โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกมากผู้ใจดี..ที่เอื้ออาทรกะเราทุกๆเรื่อง...ขอบคุณมากมาย...
แม้เมื่อเราจะจบการศึกษาเราก้ออำลากันที่นั่น..
หากบังเอิญพี่โชค(คุณโชคดี ปรโลกานนท์) อ่านเจอบทความนี้ อาจยังจำพวกเราได้.. รวมถึงอาจจะจำเด็กนักศึกษาหญิงมาดเซอร์ๆ สองคนที่ยึดศูนย์คลองทรายเป็นที่ตั้ง และ ยึดล็อคแรกของเรือนนอน..กลางหุบ..ของแผงม้า..เป็นที่พำนัก..เราอยากจะบอกว่า พวกเรายังไม่ลืมแผงม้า..และกำลังจะกลับไปรำลึกความหลังที่นั่น...
เพื่อนๆ "เดอะแก๊งค์"อนุรักษ์รุ่น 5 และ รุ่นพี่รุ่นน้องที่เคยร่วมเดินทางช่วงเวลาเดียวกัน..อยากให้ทุกคนไปร่วมรำลึกความหลังด้วยกันที่เขาแผงม้า...เจอกัน 23-24 ตุลาคม 2553 นี้นะคะ ประชาสัมพันธ์ต่อให้ด้วยนะคะ..และฝากข้อความไว้ที่ blogได้เลย...
สวัสดีน้องๆและเพื่อนทุกคนกับเราชาวอนุรักษ์เทคโนโคราชพี่หน่อง
ตอบลบตัวอย่างที่ดีมีให้เห็น ตัวอย่างที่ดีมีให้เป็น (คนดี) ตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ คือชนะใจตัวเอง
ตอบลบคิดถึงพี่น้องทุกคนเลย จากคนจร หน่องครับ
ตอบลบนัดมาเจอกัน แบบ ฮา ฮา กันสักครั้งเนาะ...
ตอบลบใครมีลูกจูงลูง ใครมีสามีจูงสามี ใครมีภรรยาจูงภรรยา
ใครมีกิ๊กหน้าตาไม่ดีอย่าจูงมาอายเค้า...
เนาะ...วันไหนดี นัดเลย
พี่ตุ๊กตา
อิอิอิอิอิอิ
ตอบลบน้องเต๋า อน. 14 รายงานตัว
ขอคาราวะพี่ๆ เก่า ๆ ทุกคนนะคะ
เรื่องรวมตัวที่เขาแผงม้า เต๋ากระจายข่าวให้กับรุ่น นับจาก 12-20 ให้แล้วนะคะ ส่วนรุ่นที่นอกเหนือจากนี้ ฝากีพี่ ๆ ด้วยคะ
พี่ตุ๊กตา กิ๊กหน้าตาไม่ดีแต่จริงใจ ควงไปด้วยได้ไหม ห้าห้าห้า
โห..ถึงรุ่น 20 แล้วหรอเนี่ยยยย...ทำไมเรายังดูสาวสวยอยู่เลย..ใช่มั้ยพี่ตุ๊กตา...
ตอบลบ